เมื่ออายุครบ 5 รอบ
 
 
 
 
สวัสดีครับ วันที่ 23 มกราคม 2552 เป็นวันที่ผมมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ยังรู้สึกสดชื่นแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าดีเหมือนวันก่อน การก้าวย่างผ่านเส้นเขตแดนของวัย 60 ปี มิได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมทั้งร่างกายและจิตใจ ในสมัยก่อนการที่คนเราจะมีอายุยืนยาวมาถึง 60 ปีไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะสภาพการทำงานที่ยากลำบาก มีภาวะโรคระบาด รวมทั้งภัยธรรมชาติ ล้วนแต่เป็นต้นเหตุสำคัญที่เป็นอันตรายให้กับผู้คน จนเป็นเหตุให้ต้องสิ้นอายุขัยไปก่อนเวลาอันสมควร แต่ปัจจุบันการแพทย์เจริญก้าวหน้า ผู้คนมีการศึกษาดี เรียนรู้วิธีการปฏิบัติตนในการรักษาสุขภาพร่างกายและอารมณ์ ทำให้มีชีวิตยืนยาวเป็นส่วนใหญ่ เราจึงสามารถพบเห็นผู้คนที่มีอายุครบ 60 ปี ขึ้นไป ในขณะที่สุขภาพร่างกายยังแข็งแรงอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากทางราชการกำหนดให้ข้าราชการที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ตุลาคม ดังนั้นผมจึงมีเวลาทำงานให้กับราชการได้อีกจนถึงวันที่ 30 กันยายน เป็นวันสุดท้าย นับจากวันนี้ยังมีเวลาอีกกว่า 8 เดือน ซึ่งมากพอที่จะแบ่งปันความรู้ ความคิด และประสบการณ์ให้กับทุกคนได้อีกมาก ผมจึงตั้งใจว่าเรื่องราวที่จะคุยกัน ณ ที่แห่งนี้ จะเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตอย่างไรในวัยเกษียณให้มีความสุข ซึ่งคงเป็นความปรารถนาของทุกคน
มองโลกในแง่ดี วิธีการแรกที่จะทำให้คนเรามีความสุขได้ทุกวันก็คือการมองโลกในแง่ดี ทำความเข้าใจให้ได้ว่าสรรพสิ่งรอบตัวเราถึงจะมีโทษมหันต์แต่ก็อาจมีคุณอนันต์ได้ ถ้าเรามองเห็นอีกด้านหนึ่งก็จะพบว่าบุคคลหรือเหตุการณ์ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ล้วนเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับเรา ช่วยให้เรามีโอกาสได้แบ่งปันและเสียสละความสุขให้กับผู้อื่น แม้ในความสูญเสียก็ยังมีส่วนช่วยให้เราฝึกความอดทน เพิ่มความเข้มแข็งให้กับจิตใจได้เป็นอย่างดี
ปล่อยวางเสียบ้าง มีภาระมากมายที่คนวัยเกษียณได้รับมาแล้ว ทั้งเรื่องครอบครัว ญาติมิตร ผู้ร่วมงาน และหน้าที่การงาน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสังคมจะไม่เข้มงวดกับเราอีกต่อไป เราคงต้องเริ่มปล่อยวางภาระบางอย่างให้กับผู้อื่นบ้าง รวมทั้งปล่อยวางกับเรื่องที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ขัดข้องใจ ไม่ได้อย่างใจ ที่อาจจะเกิดจากคนรอบข้าง รวมทั้งกิจวัตรประจำวันที่สับสนวุ่นวาย แท้จริงแล้วสิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่ของเราและเป็นสิ่งที่ยั่งยืนเลย เพียงแต่ให้เราได้มีโอกาสค้นพบ สัมผัส ชื่นชม แล้วก็จะหมดสิ้นไปในที่สุด
ยอมรับความสามารถของคนอื่น หนทางหนึ่งที่จะทำให้เรามีความสุขได้ง่าย ๆ คือการยอมรับความสามารถของคนอื่นอย่างแท้จริง โดยไม่รู้สึกกังวลใจ เหมือนความไว้วางใจที่เราให้กับแพทย์ผู้รักษาโรคร้ายของเรา เชื่อเถอะว่าไม่ใช่เราคนเดียวหรอกที่จะทำให้หน่วยงานพัฒนาไปได้ ผู้ร่วมงานรุ่นน้องที่เป็นคลื่นลูกใหม่ พร้อมที่จะถาโถมเข้ามารับภาระหน้าที่รวมทั้งปัญหาอุปสรรคของหน่วยงานแทนเราได้อย่างแน่นอน
ให้ความเมตตากับสิ่งรอบตัว ถึงแม้ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเราจะเอาจริงเอาจังกับทุกสิ่ง เข้มงวดกวดขันไปเสียทุกเรื่องจนบางครั้งดูเหมือนขาดความเมตตาไป แต่นับต่อจากนี้เราน่าจะปฏิบัติต่อผู้คนและสรรพสิ่งรอบข้างด้วยความเมตตามากขึ้นกว่าเดิม การให้ความเมตตาต่อผู้อื่นจะสร้างความอิ่มเอมใจและผลดีให้กับตัวเราอย่างคาดไม่ถึง
ชื่นชมความงามของธรรมชาติ ไม่ว่าฤดูกาลใดธรรมชาติมีความงดงามเสมอ อยู่ที่เราจะมองเห็นหรือไม่ เมื่อใจเราผ่อนคลาย เมฆหมอกแห่งความกังวลหายไปจากจิตใจ เราจะสามารถมองเห็นความงดงามของธรรมชาติได้ตลอดเวลา เช่นท้องฟ้าสวยในหน้าหนาว เสียงนกร้องไพเราะบนหลังคาบ้านในยามเช้า ดวงอาทิตย์สดใสที่ขึ้นพ้นขอบฟ้าในยามรุ่งสาง ดอกมะม่วงที่ออกดอกบานสะพรั่งไปทุกต้น เด็กทารกน่ารักในอ้อมกอดของแม่ ฯลฯ ล้วนทำให้เราเป็นสุขได้ทั้งสิ้น

23 มกราคม 2552