ความสุขของผู้สูงอายุ
 
 
 
 
สวัสดีครับ ความสุขสำหรับคนเราอีกอย่างหนึ่งก็คือการได้อยู่กับคนที่เรารัก ได้มีโอกาสทำประโยชน์ให้กับพวกเขาเหล่านั้น เท่าที่สภาพร่างกายและทรัพย์สินที่มีอยู่จะอำนวย ชีวิตในวัยเกษียณเช่นนี้สำหรับผู้ที่มีครอบครัวส่วนใหญ่ก็จะประกอบไปด้วยคู่สมรส บุตร หรือหลาน แต่ละกรณีให้ความสุขกับผู้สูงอายุได้อย่างไร เราจะมาคุยกันในวันนี้ครับ
คู่สมรส ถ้าชีวิตดำเนินไปตามปกติ และเรามีครอบครัวในวัยที่ควรจะเป็น (อายุประมาณ 30 ปี) และมีบุตรอย่างน้อย 1 คน ก็คงได้ใช้ชีวิตกับคู่สมรสมานานมากกว่า 30 ปีแล้ว ได้ผ่านช่วงชีวิตที่ยากลำบากในวัยสร้างเนื้อสร้างตัว ในช่วงที่มีบุตร ช่วงที่ส่งลูกเข้าโรงเรียน จนส่งเสียให้เขาได้เล่าเรียนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขในการสร้างครอบครัวให้ก้าวหน้ามาเป็นเวลานาน จนถึงวันนี้บุตรอาจแยกออกไปมีครอบครัวใหม่ เหลือกันอยู่เพียงสองคนเหมือนเมื่อครั้งที่เริ่มครอบครัวใหม่ ๆ ใช้ชีวิตคู่กันมานานขนาดนี้มองตาก็รู้ใจกันแล้ว ความสุขจึงอยู่ที่การพึ่งพาช่วยเหลือกัน การให้กำลังใจแก่กันและกัน ไม่ทอดทิ้งกัน ไปไหนไปด้วยกัน เป็นเรื่องที่น่าเสียดายและเสียใจสำหรับผู้ที่ต้องอยู่คนเดียวในวัยหลังเกษียณอายุ ซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุในบ้านและไม่มีใครช่วยเหลือได้ทัน
บุตร ช่วงที่เลี้ยงดูลูกเป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของพ่อแม่ ถึงแม้จะใช้เวลาตั้งแต่เขาเกิดจนเรียนจบเป็นเวลาหลายปี แต่ก็ดูสั้นมากเมื่อหวนกลับมาคิดถึงอีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้เวลาเหล่านั้นจะไม่หวนกลับมาอีกแล้ว แต่การที่ได้เฝ้าดูแลลูก ๆ เจริญก้าวหน้าไปตามลำดับ ก็เป็นความสุขของพ่อแม่ในวัยนี้ ส่วนใหญ่บุตรของผู้ที่เกษียณอายุ ก็คงจะจบการศึกษาและมีงานการทำกันเป็นส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเขายังอยู่ด้วยในครอบครัวก็เป็นสิ่งที่ดี จะได้พึ่งพาให้ช่วยเหลือในงานที่ต้องใช้แรง ช่วยดูแลบ้าน ต้นไม้ หรือสัตว์เลี้ยง แต่ถ้าแยกไปมีครอบครัวใหม่ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนซึ่งกันและกัน ความสุขเกิดจากการที่จะให้ความช่วยเหลือลูก ๆ เท่าที่เขาต้องการเท่านั้น เช่นไปช่วยเฝ้าบ้านเมื่อลูกไม่อยู่บ้าน ช่วยเลี้ยงหลาน ช่วยดูแลสัตว์เลี้ยงของลูก ฯลฯ แต่คงจะไม่เข้าไปรบกวนหรือก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวในครอบครัวของเขา ปล่อยให้ลูกได้ใช้ชีวิตคู่อย่างอิสระ น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
หลาน หลายคนได้เคยสัมผัสมาแล้วว่า หลาน ๆ ช่วยทำให้เปลวไฟของความเมตตาเอื้ออาทรในจิตใจผู้สูงวัย ที่มอดไหม้จนเกือบดับ ได้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เป็นความมหัศจรรย์ของชีวิตที่หลานเพียงคนเดียว ช่างมีอิทธิพลทำให้ปู่ย่าตายายมีความสุขได้ทุกคน ความรู้สึกที่ปรารถนาจะให้ความรักความเมตตากับลูก ๆ ยังมีอยู่เต็มหัวใจ แต่ลูกที่มีครอบครัวได้มีคนอื่นช่วยให้ความรักแล้ว การมีหลานในช่วงนี้จึงช่วยเติมเต็มความปรารถนาของผู้สูงวัยได้อีกครั้งหนึ่ง ที่จะได้มอบความรักความเมตตากับหลาน ๆ จนหมดหัวใจ การได้มีโอกาสเลี้ยงดูหลานเป็นอะไรที่วิเศษเหลือเกินสำหรับปู่ย่าตายาย มีคำกล่าวว่า "ปู่ย่าตายายมักจะรักหลานมากกว่าลูกเสียอีก" ความจริงก็คือพ่อแม่ทุกคนย่อมรักลูกสุดหัวใจ แต่ในระยะที่กำลังสร้างครอบครัวมีภาระหน้าที่การงานค่อนข้างมาก จนอาจจะดูแลให้ความรักความอบอุ่นกับลูกได้ไม่เต็มที่ แต่เมื่ออยู่ในวัยที่เป็นปู่ย่าตายายและเกษียณอายุแล้ว มีเวลาว่างที่พร้อมจะดูแลหลานได้เต็มเวลา จึงทุ่มเทเอาใจใส่กับหลานได้เต็มที่ จนมีผู้สังเกตว่าปู่ย่าตายายจะรักหลานมากกว่าลูกทีเดียว การได้เลี้ยงดูหลานที่กำลังเจริญเติบโต เป็นเสมือนน้ำทิพย์ชะโลมใจให้ผู้สูงวัยกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาได้อย่างคาดไม่ถึง เป็นยาอายุวัฒนะที่ทำให้อายุยืนได้อย่างมหัศจรรย์ ท่านที่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาก่อน จึงมักจะเชิญชวนผู้ที่เริ่มมีชีวิตในวัยเกษียณได้ใช้เวลาในช่วงนี้กับการเลี้ยงหลาน จะรู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งและทำให้ใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างมีความหมายและมีความสุข

24 เมษายน 2552